เลือกใช้พรมปูห้องอาหารอย่างไร ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

     ห้องอาหารถือว่าเป็นอีกห้องหนึ่งของบ้านที่มีความสำคัญ เพราะว่ามีการใช้งานบ่อยครั้งและเป็นห้องที่สมาชิกในครอบครัวทุกคนต้องมารวมตัวกันที่นี่เพื่อรับประทานอาหารด้วยกัน ดังนั้นบรรยากาศในห้องอาหารจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการรับประทานอาหาร นอกจากนี้ยังเป็นหน้าตาของบ้านเวลาต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยือนด้วย ทำให้หลายบ้านมีการจัดตกแต่งห้องอาหารให้ดูสวยงาม เช่นการติดภาพงานศิลปะตามฝาผนัง การมีต้นไม้จัดวางตามมุมห้องเพื่อเพิ่มความเป็นธรรมชาติ และอีกวิธีการหนึ่งคือการใช้พรมปูห้องอาหาร ทำให้พื้นห้องมีความหรูหรามากกว่าวัสดุตกแต่งพื้นชนิดอื่น

การเลือกพรมปูห้องอาหาร มีวิธีการดังต่อไปนี้

  1. เลือกชนิดของพรม เราต้องทำความรู้จักก่อนว่าชนิดของพรมนั้นมีอะไรบ้าง เช่น พรมดักฝุ่น พรมเปอร์เซียร์ พรมขนตัด เป็นต้น เพื่อที่จะได้เลือกมาใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น การใช้งานในห้องอาหารก็ควรใช้พรมที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ไม่เป็นที่สะสมของเชื้อโรค

     พรมปูห้องอาหารนั้นควรจะเลือกพรมที่เป็นขนตัด เพราะห้องนี้เป็นห้องที่เราต้องใช้งานบ่อย มีการเดินไปมา มีการเสียดสีของโต๊ะ เก้าอี้ การปูพรมห้องอาหารด้วยพรมขนตัดจึงเหมาะสมที่สุด เพราะมีเส้นใยที่หนาและสามารถทำความสะอาดได้ง่าย

  1. ศึกษาการทำความสะอาดเบื้องต้นว่าเป็นอย่างไร เพราะการปูพรมในห้องอาหารนั้น แน่นอนว่าจะต้องมีเศษอาหารหล่นอยู่ตามพรมอย่างแน่นอน เรื่องการทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญ นอกจากการดูดฝุ่นแล้วอาจจะมีการใช้น้ำยาทำความสะอาดร่วมด้วย

  2. การเลือกสีและลวดลาย ควรเป็นสีเรียบไม่เด่นเกิน เพราะว่าอาหารต่าง ๆ มีสีสันสวยงามน่ารับประทานอยู่แล้ว ดังนั้นสีสันของพรมไม่ควรดูฉูดฉาดและมีลวดลายมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ไม่สบายตาเมื่อเรากำลังรับประทานอาหารได้

  3. การเลือกพื้นที่ยึดพรม เรื่องนี้ก็ค่อนข้างที่จะสำคัญไม่แพ้กัน เพราะการเลือกพรมมาปูที่ห้องอาหารนั้นควรเลือกพื้นพรมที่เป็นยาง และสามารถยกออกมาได้ ในกรณีที่มีการซักล้างทำความสะอาดจะง่ายกว่าการติดยึดกาวแบบถาวร

     พรมปูห้องอาหารนั้นถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสร้างบรรยากาศในการรับประทานอาหารของเราให้ดีขึ้นได้ การเลือกใช้พรมที่มีคุณภาพ รวมถึงรู้วิธีการทำความสะอาดที่ถูกต้อง ก็จะเป็นสิ่งที่ดีต่อคุณอีกด้วย ในสมัยนี้จะมีบริการปูพรมมาให้เราเลือกมากมาย มีทั้งปูพรมแบบติดตั้งถาวร และแบบที่ยกมาทำความสะอาดได้ซึ่งถือว่าสะดวกมาก สำหรับราคาของพรมนั้นก็จะขึ้นอยู่กับชนิดและความหนาว่าเป็นแบบไหน ซึ่งในท้องตลาดก็มีหลายระดับราคาด้วยกัน ขึ้นอยู่กับงบประมาณของท่านเจ้าของบ้าน

Visitors: 363,408